นายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเปิดเผยว่า ฤดูกาลผลิตปี 2564/65 ราคามันสำปะหลังพุ่งสูงต่อเนื่อง เนื่องจากปริมาณความต้องการจากผู้ซื้อต่างประเทศเพิ่มขึ้น ตลอดจนสถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ทั่วโลกเพิ่มปริมาณสำรองธัญพืชเพื่อการบริโภค โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ทำให้อุตสาหกรรมอาหารสัตว์และพลังงานมีความต้องการนำเข้ามันสำปะหลังทดแทนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผลผลิตไม่เพียงพอและราคามันสำปะหลังสูงขึ้น โดยเดือนพฤษภาคม 2565 หัวมันสดเชื้อแป้ง 25 % ราคาอยู่ที่ 3.03 บาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น 20.79% ทั้งนี้ ในส่วนของการส่งออกมันสำปะหลังอยู่ในเกณฑ์ดีมาก โดยในปี 2565 (ม.ค.-เม.ย.) ไทยส่งออกมันสำปะหลังในรูปของมันเส้น มันอัดเม็ด แป้งดิบ แป้งแปรรูป และอื่นๆ (กากมัน และสาคู) ปริมาณรวม 4,602,475.21 ตัน มูลค่า 54,886.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 28.23% ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ จีน (69%) ญี่ปุ่น (8%) อินโดนีเซีย (3%) เกาหลีใต้ (2%) และประเทศอื่นๆ (18%)
นายพิทักษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผู้ซื้อจากต่างประเทศโดยเฉพาะตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ เช่น ตุรกี นิวซีแลนด์ และจีนตอนใต้ เป็นต้น ยังคงสนใจสั่งซื้อมันสำปะหลังของไทยอย่างต่อเนื่อง จึงได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ราคามันสำปะหลังทั้งระบบเป็นไปตามกลไกตลาดและสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ซื้อว่าไทยสามารถส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีพบว่า ปัจจุบันเกษตรกรเร่งขุดมันสำปะหลังที่อายุไม่ถึง 8 เดือน ออกมาจำหน่ายมากขึ้น เนื่องจากราคาจูงใจ ซึ่งจะส่งผลกระทบกับคุณภาพของผลผลิตโดยเฉพาะเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งต่ำ จึงขอความร่วมมือพี่น้องเกษตรกรอย่าเร่งขุดมันสำปะหลังก่อนครบอายุเพื่อรักษาคุณภาพผลผลิตและท่อนพันธุ์ที่ดีสำหรับปีการผลิตถัดไป มีผลผลิตเพียงพอกับความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
นอกจากนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์มันสำปะหลังฯ ปี พ.ศคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. 2564-2567 เพื่อส่งเสริมและผลักดันให้ไทยผงาดครองแชมป์ผู้ส่งออกมันสำปะหลังอันดับ 1 ของโลก โดยทุกภาคส่วนได้เร่งดำเนินงานเพื่อรองรับความต้องการของตลาดส่งออกที่สูงขึ้น อาทิ ด้านการตลาดต่างประเทศ เร่งขยายตลาดในต่างประเทศโดยมุ่งเน้นตลาดใหม่เพื่อลดการพึ่งพาเพียงตลาดเดียว เช่น ตุรเคีย นิวซีแลนด์ จีนตอนใต้ และซาอุดีอาระเบีย เป็นต้น โดยเฉพาะการส่งออกมันเส้นไปจีนตอนใต้จนถึงปัจจุบันสร้างมูลค่าส่งออกได้แล้วกว่า 9,900 ล้านบาท ด้านการตลาดในประเทศ ดำเนินกิจกรรมสร้างหลักประกันให้เกษตรกรผ่านโครงการประกันรายได้ กำกับดูแลปัจจัยการผลิตให้มีคุณภาพได้มาตรฐาน ราคาเหมาะสม ตลอดจนส่งเสริมการแปรรูปและสร้างมูลค่าเพิ่มมันสำปะหลัง ด้านการผลิต เร่งรัดการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ต้านทานโรคใบด่างมันสำปะหลังที่มีผลผลิตต่อไร่สูง ทนแล้ง เชื้อแป้งสูง และส่งเสริมให้เกษตรกรบริหารแปลงปลูกอย่างเป็นระบบ เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ ละเว้นการเก็บเกี่ยวมันสำปะหลังก่อนครบอายุ เลิกใช้พันธุ์ที่ไม่ทนทานต่อโรคและผลผลิตคุณภาพต่ำ ผลักดันและส่งเสริมการรวมกลุ่มของเกษตรกรในรูปแบบแปลงใหญ่วิสาหกิจชุมชน ผลจากการบูรณาการ การทำงานดังกล่าวจะช่วยผลักดันให้เกิดการพัฒนาของมันสำปะหลังทั้งห่วงโช่อุปทานตามยุทธศาสตร์มันสำปะหลังฯ ต่อไป”